รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลาดคว้าชัยชนะ 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ ในช่วงบ่ายอันน่าผิดหวังที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อสโต๊ค ซิตี้มายิงตีเสมอคว้าคะแนนกลับออกไปได้
อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ซึ่งเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังยิงปั่นโค้งจากระยะ 12 หลา ซึ่งเป็นประตูแรกในฤดูกาลของเขา ช่วยให้ทีมปีศาจแดงขึ้นนำในนาทีที่ 69 แต่ขณะที่เหลือเวลาอีก 8 นาที โจ อัลเลน ก็มาซัดตีเสมอจากการยิงจ่อๆ ช่วยให้ทีมของ มาร์ค ฮิวจ์ส ได้คะแนนแรกในการเยือนโรงละครแห่งความฝันในพรีเมียร์ ลีกได้สำเร็จ
ปอล ป็อกบา มาโหม่งไปชนคานช่วงท้ายเกม และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็พลาดโอกาสก้าวขึ้นสู่อันดับ 3 ของตารางไปในที่สุด โดยต้องยกย่องฟอร์มการเล่นของ ลี แกรนท์ ผู้รักษาประตูของสโต๊ค ซิตี้ด้วยที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น
ก่อนเกม โชเซ่ มูรินโญ่ จัดชุดเดิมจากที่เอาชนะแชมป์เก่าเลสเตอร์ ซิตี้ 4-1 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ซึ่งเท่ากับว่าปรับทัพ 4 ตำแหน่งจากเกมยูโรปา ลีก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ชนะซอร์ย่า ลูฮันส์ก โดยในเกมนี้ผู้เล่นทั้ง 2 ทีมต่างก็สวมปลอกแขนสีดำ เพื่อเป็นการไว้อาลัย เดวิด เฮิร์ด ตำนานทีมปีศาจแดงที่เพิ่งเสียชีวิต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มต้นเกมได้ดี และน่าจะขึ้นนำตั้งแต่นาทีแรก เมื่อป็อกบาจ่ายให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หลุดทะลุแนวรับสโต๊ค ซิตี้ แต่ดาวยิงชาวสวีดิชก็ยิงไปติดมือแกรนท์ ซึ่งยังปฏิกิริยาไวพอที่จะตามเซฟจังหวะที่ 2 จากมุมแคบได้อีกด้วย
สโต๊ค ซิตี้เริ่มตั้งเกมติด และก็มาได้โอกาสยิงจาก เจฟฟ์ คาเมรอน ที่ได้ทดสอบความเหนียว ดาบิด เด เคอา จากระยะ 20 หลา ก่อนที่ลูกยิงของอัลเลนจะไปเข้ามือผู้รักษาประตูปีศาจแดง
ป็อกบามาพลาดโอกาสทอง 2 ครั้งที่จะช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นนำ ครั้งแรกเป็นการประสานงานระหว่างอิบราฮิโมวิชกับ เจสซี่ ลินการ์ด ก่อนที่บอลจะมาถึงดาวเตะชาวฝรั่งเศส ซึ่งยิงถากเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่จะได้โขกหลุดกรอบไปอีกจากลูกเตะมุมของ ดาลี่ย์ บลินด์ ในระยะ 8 หลา
ลินการ์ดเองก็ได้ลุ้นเช่นกันจากการครอสมาให้ของอิบราฮิโมวิช แต่แกรนท์ก็ยังปัดออกไปเป็นลูกเตะมุมได้อีก จากนั้น ฮวน มาต้า ซึ่งยิงได้ในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ก็ได้ยิงล็อบไปติดปลายมือของแกรนท์อีกเช่นกัน และเสียงนกหวีดจบครึ่งแรกก็ถูกเป่าขึ้น โดยที่ทีมปีศาจแดงพลาดโอกาสกันไปหลายต่อหลายครั้ง
หลังจากมาแข่งกันต่อ ทีมเยือนเป็นฝ่ายที่ได้ลุ้น บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ ได้โขกจากลูกฟรีคิกของ เซอร์แดน ชากิรี่ ให้เด เคอาต้องออกแรงพุ่งเซฟ อย่างไรก็ตาม จังหวะนี้ก็ถูกตีธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
อดีตมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลอย่างอัลเลนได้บอลจาก มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะแตะหลบ คริส สมอลลิ่ง แต่ลูกยิงของเขาก็เบาเกินไปที่จะสร้างความหนักใจให้กับเด เคอา ความเร็วของแรชฟอร์ดกับลินการ์ดสร้างปัญหาให้แนวรับสโต๊ค ซิตี้ได้มาก และแกรนท์ก็ต้องวิ่งออกจากเส้นประตูมาตัดเกม ก่อนที่ลินการ์ดจะได้หลุดเดี่ยวไปในพื้นที่อันตราย
อดีตผู้รักษาประตูเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ต้องออกแรงเซฟอีกครั้งจากลูกยิงไกลของมาต้าและป็อกบา จากนั้นก็เป็น อันเดร์ เอร์เรร่า ที่ได้ลองส่องบ้างจากระยะ 25 หลา ซึ่งบอลก็ถากเสาออกหลังไปแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น
มูรินโญ่ตัดสินใจส่ง เวย์น รูนี่ย์ ลงสนาม ขณะที่ครึ่งหลังผ่านมาครึ่งทาง เช่นเดียวกับมาร์กซิอัล ซึ่งทั้งคู่ลงมาแทนลินการ์ดและมาต้าตามลำดับ อิบราฮิโมวิชได้ยิงหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น จากนั้นมาร์กซิอัลก็สร้างความแตกต่างให้กับเกมได้ในทันทีด้วยประตูที่มีรูปแบบคล้ายกับที่เขายิงใส่ทีมช่างปั้นหม้อได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที บลินด์เกือบที่จะมีชื่อเป็นผู้ทำประตู เมื่อเขาเข้าถึงลูกจ่ายตัดหลังในระยะ 6 หลาของแรชฟอร์ด แต่ก็ยังมีมาร์ตินส์ อินดี้ที่ขวางทางเอาไว้อยู่
อิบราฮิโมวิชต้องมาถูกปฏิเสธโดยแกรนท์อีกครั้ง จากจังหวะฮาล์ฟวอลเล่ย์ หลังจากที่มาร์กซิอัลเอาชนะชอว์ครอสส์มาได้
ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังปิดเกมเพื่อ 3 คะแนน สโต๊ค ซิตี้ก็มาตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะยิงแฉลบของ เกล็น จอห์นสัน บอลถูกปัดออกมาโดยเด เคอา แต่ตัวสำรองอย่าง โจนาธาน วอลเตอร์ส ก็เก็บบอลได้ เขายิงไปแฉลบ เอริค ไบญี่ ชนคาน แต่บอลก็ยังมาเข้าทางอัลเลนที่ได้แปซ้ำโล่งๆ เข้าไป
อิบราฮิโมวิชเกือบจะเป็นฮีโร่ได้อีกครั้ง แต่ลูกยิงเลียดของเขาก็ถูกปัดออกไปได้โดยแกรนท์ ก่อนที่ป็อกบาจะโขกลูกเปิดจากแรชฟอร์ดไปชนคานเต็มๆ ในขณะที่เกมเหลืออีก 2 นาที สุดท้ายทีมปีศาจแดงก็ทำได้แค่เสมอไปอย่างน่าผิดหวัง
สถิติ